มรดกทางวัฒนธรรมสำคัญอีกประการหนึ่งของชาวสุเมเรีย คือ การประดิษฐ์จานหมุนเพื่อใช้ในการปั้นภาชนะดินเผาในราว 3,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถือว่าป็นเครื่องกลชนิดแรกของโลก นอกจากนี้พวกเขายังสร้างวงล้อที่ประกอบติดกับเพลาเพื่อใช้กับเกวียนและรถศึก ซึ่งเปิดโอกาสให้นักรบบนรถศึกสามารถใช้อาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พวกสุเมเรียยังมีความสามารถเชิงคณิตศาสตร์ รู้จัดนำระบบฐานเลข 60 ในการแบ่งเวลาและมุม การคำนาณพื้นที่ของวงกลม การหาระยะทาง การคำนวณ การคิดมาตราชั่งตวงวัดและการนับปีเดือนแบบจันทรคติ เป็นต้น นอกจากนี้ พวกเขายังสนใจศึกษาและจดบันทึกการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ โดยเชื่อว่าการโคจรดังกล่าวเกิดจากการกระทำของพระเจ้าและมีอิทธิพลต่อมนุษย์ ถ้าหากมนุษย์เข้าใจปรากฎการณ์นี้และแปลความหมายได้ ก้จะสามารถล่วงรู้เจตนารมณ์ของพระเจ้าอันเป็นที่มาของวิชาโหราศาสตร์และดาราศาสตร์ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ดี ความสนใจของพวกสุเมเรียต่อปรากฎการณ์ธรรมชาติที่มีการสังเกตและจดบันทึกอย่างเป็นระบบได้จำกัดอยู่ในมิติของความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เท่านั้น ทำให้การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ของพวกเขามิได้พัฒนาเท่าที่ควร
ในต้นศตวรรษที่ 24 ก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักรสุเมเรียได้ถูกพระเจ้าซาร์กอนที่1 (Sargon I,2,370-2,315ปีก่อนคริสต์ศักราช) เผ่าซีไมต์ (Semite) แห่งอาณาจักรอัคคาเดียน(Akkadian) ทางตอนเหนือ
เข้ารุกรานและยึดครองได้ อย่างไรก็ดี วัฒนธรรมของสุเมเรียมิได้ถูกทำลายแต่ได้รับการสืบทอด ราชวงศ์อัคคัดก็มีอำนาจอยู่เพียงสั้นๆ พวกสุเมเรียจากเมืองอูร์(Ur) สามารถฟื้นฟูอำนาจได้ แต่ต่อมาได้ถูกชนเผ่าอีลาไมต์ (Eramite) จากดินแดนที่เป็นที่ตั้งของประเทศอิหร่านในปัจจุบันบุกเข้าทำลายเมือง หลังจากนั้นพวกสุเมเรียได้สูญสิ้นอำนาจทางการเมืองอย่างถาวร แต่วัฒนธรรมได้รับการสืบทอดต่อๆกันมา
เข้ารุกรานและยึดครองได้ อย่างไรก็ดี วัฒนธรรมของสุเมเรียมิได้ถูกทำลายแต่ได้รับการสืบทอด ราชวงศ์อัคคัดก็มีอำนาจอยู่เพียงสั้นๆ พวกสุเมเรียจากเมืองอูร์(Ur) สามารถฟื้นฟูอำนาจได้ แต่ต่อมาได้ถูกชนเผ่าอีลาไมต์ (Eramite) จากดินแดนที่เป็นที่ตั้งของประเทศอิหร่านในปัจจุบันบุกเข้าทำลายเมือง หลังจากนั้นพวกสุเมเรียได้สูญสิ้นอำนาจทางการเมืองอย่างถาวร แต่วัฒนธรรมได้รับการสืบทอดต่อๆกันมา